ใช้รถต้องรู้! 5 จุดที่ต้องเช็คสภาพรถ ก่อนเดินทางไกลกลับจากสงกรานต์
เชื่อว่าหลายท่านเริ่มทยอยเดินทางกลับจากต่างจังหวัดช่วงเทศกาลสงกรานต์กันบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าหลายคน แต่ทราบหรือไม่ว่าหลังจากขับรถทางไกล ก็จำเป็นจะต้องเช็กรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเช่นกัน จะได้ไม่เกิดปัญหา ในการเดินทางครับ!
ใช้รถต้องรู้! 5 จุดที่ต้องเช็คสภาพรถ ก่อนเดินทางไกลกลับจากสงกรานต์
เหตุผลทำไมต้องเช็คสภาพรถหลังเดินทางไกล?
หลังจากที่ขับรถเดินทางไกล จะมีการใช้รถที่ค่อนข้างหนักในหลายๆ ด้าน ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าการขับรถไกลจำเป็นจะต้องพักรถอยู่เสมอๆ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาระหว่างเดินทาง หรือแม้ตอนขากลับเองก็ต้องทำเช่นนั้นเช่นกัน เพราะการเดินทางไกลถือว่ารถยนต์มีการทำงานที่หนักมาก การเช็คสภาพรถหลังเดินทางไกล จึงควรเช็คให้ละเอียดไม่ต่างจากตอนขาไป ยิ่งรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากยิ่งจำเป็นจะต้องเช็คให้ดี
5 สิ่งที่ควรเช็คสภาพรถหลังเดินทางไกล
1. เช็กของเหลวในห้องเครื่องยนต์
ควรเปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อตรวจเช็กระดับของเหลวต่างๆ ว่ายังคงได้ระดับตามที่กำหนดไว้ และไม่มีสีหรือกลิ่นผิดแปลกไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ฯลฯ หากพบว่ามีการพร่องหรือมีสีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ควรรีบนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการทันทีเพื่อป้องกันปัญหาลุกลามบานปลาย
2. เช็กน้ำยาหล่อเย็น
เนื่องจากช่วงเดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ต้องทำงานอย่างหนักเช่นกัน จึงควรตรวจเช็กเบื้องต้นด้วยการดูระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักว่ายังคงปกติ และไม่มีสีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หากพบว่าน้ำยาหล่อเย็นในกระปุกพักหายไปจนหมดเกลี้ยง ให้รีบตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำว่ายังคงมีเหลืออยู่ไม่ หากพบว่าระดับน้ำพร่องควรรีบเติมน้ำยาหล่อเย็นโดยทันที และนำรถเข้าอู่เพื่อตรวจสอบการรั่วซึมและซ่อมแซมต่อไป
อีกกรณีหนึ่งคือพบว่าน้ำหล่อเย็นแปรสภาพเป็นลักษณะข้น ประกอบกับมีสีผิดปกติคล้ายชานม บ่งบอกว่าฝาสูบอาจโก่งจนทำให้น้ำมันเครื่องเข้าไปผสมกับระบบหล่อเย็น ลักษณะเช่นนี้ให้หยุดใช้รถทันที และนำขึ้นรถสไลด์เพื่อเข้าอู่ต่อไป
3. เช็กคราบสกปรกและริ้วรอยต่างๆ
หากรถมีคราบน้ำและดินสอพองติดอยู่จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ควรรีบล้างให้สะอาดก่อนนำรถไปใช้งาน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้สีรถเป็นรอยด่าง ไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำหรือแชมพูปกติได้ อีกทั้งยังควรตรวจสอบริ้วรอยจากการเฉี่ยวชนรอบคัน เพื่อวางแผนในการเคลมประกันหรือซ่อมแซมต่อไป
4. เช็กลมยางและสภาพยาง
ตรวจเช็กระดับแรงดันลมยางทุกล้อ เพื่อดูว่ามียางเส้นไหนรั่วซึมหรือไม่ ซึ่งโดยมากแล้วหากขับรถเหยียบตะปูและยังคงฝังอยู่ในเนื้อยาง ลมยางจะค่อยๆ ซึมออกทีละน้อยโดยผู้ขับขี่อาจไม่รู้ตัว ให้รีบนำรถเข้ารับการปะยางหรือพิจารณาเปลี่ยนยางเส้นใหม่ต่อไป จะได้ไม่เกิดปัญหาในการเดินทางไกล
5. ช่วงล่างและระบบกันสะเทือน
สิ่งที่ควรต้องเช็คสภาพรถหลังเดินทางไกล ก็คือช่วงล่าง โช้คอัพ และระบบกันสะเทือน ถ้าหากพบว่าตอนขับเร็วเกิดอาการร่อนแสดงให้เห็นว่าโช้คอาจมีปัญหาหรือได้รับความเสียหาย หรือโคลงตัวมีอาการยืดหดช้าลง มีการหน้าทิ่มง่ายขึ้นตอนเร่งหรือเบรกก็นับว่าเป็นสิ่งที่ต้องเช็คให้ดี ทั้งนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเช็คจะเป็นการดีที่สุด
ซึ่ง 5 จุดสำคัญเหล่านี้ ถ้าหากไม่เช็ควันหนึ่งเกิดเสียหายขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ คุณอาจจะต้องเสียเวลาในการเดินทาง หรือ ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือ เกิดอุบัติเหตุ ได้เลยครับ!