เลือกคันไหนดี ระหว่าง BYD Seal vs Tesla Model 3
เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย สำหรับเจ้า BYD Seal รถยนต์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ สไตล์ซีดานระดับพรีเมี่ยม จากแบรนด์ประเทศจีน ซึ่งราคานั้นเทียบเท่ากับ Tesla Model 3 RWD ซึ่งทำเอาหลายคนเกิดความลังเลว่าจะเลือกรุ่นไหนดี ?
เลือกคันไหนดี ระหว่าง BYD Seal vs Tesla Model 3
โดยเจ้า BYD Seal ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบรถยนต์ซีดานสุดพรีเมี่ยมจาก BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 จากประเทศจีน โดยรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาแบบท้าชนกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลกอย่าง Tesla รุ่น Model 3 แบบ ชัดเจน
BYD Seal ราคาไทย
- BYD Seal Dynamic RWD 61.4 kWh ราคาอยู่ที่ 1,325,000 บาท
- BYD Seal Premium RWD 82.5 kWh ราคาอยู่ที่ 1,449,000 บาท
- BYD Seal Performance AWD 82.5 kWh ราคาอยู่ที่ 1,599,000 บาท
BYD SEAL เป็นรุ่นเรือธงจากค่าย BYD กับ SEAL ถือเป็นรุ่นไฮไลท์ที่ทางค่ายหมายมั่นว่าจะครองใจได้อีกครั้ง การเปิดตัวในครั้งนี้กับรถซีดานสปอร์ต ที่มีสมรรถนะสูงพร้อมเทคโนโลยีแแบบจัดเต็มที่มาพร้องโครงสร้างแบบใหม่ BYD Seal ถูกสร้างบนพื้นฐาน e-Platform 3.0 เฉกเช่นเดียวกับ BYD Dolphin และ BYD ATTO 3 รุ่นที่จัดจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ โดยชุดแบตเตอรี่ของรถติดตั้งด้วยเทคโนโลยี CTB หรือ Cell To Body หรือจะว่ากันแบบภาษาเข้าใจง่ายๆ ก็คือการใช้แพ็กแบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของตัวถังรถยนต์
ส่วนทางด้าน Tesla Model 3
Tesla Model 3 2022 รถยนต์นั่งแบบซีดาน รุ่นรองลงมาจากรุ่นพี่อย่าง Tesla Model S โดยเจ้า Model 3 โดดเด่นด้วยความเป็นรถยนต์นั่งตัวถังแบบซีดาน 4 ประตู ที่มีขนาดกระทัดรัดมากกว่ารุ่นพี่ แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดกระทัดรัด แต่ออปชั่นต่างๆ นั้นจัดมาให้แบบครบครัน
โครงสร้างตัวถังของ Tesla Model 3 เน้นหนักไปที่ความปลอดภัยเป็นหลัก มันถูกออกแบบให้ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถกระจายแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม การันตีความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากสถาบันทดสอบความปลอดภัยอันเกิดจากการชนแทบทุกสำนัก ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานยุโรป หรือมาตรฐานสหรัฐอเมริกา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเคี่ยว Tesla Model 3 ก็สอบผ่านระดับ 5 ดาวทั้งหมด
เริ่มต้นจากเรื่องสเปคระบบขับเคลื่อนของตัวรถ ฝั่ง BYD Seal Performance ให้สเปคมาได้น่าสนใจกว่าอย่างชัดเจน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 523 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายในระยะเวลาเพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น
ขนาดแบตเตอรี่ ให้มาใหญ่กว่า Tesla Model 3 Standard Range เป็นอย่างมาก โดยให้มามากกว่าถึง 25.06 kWh เลยทีเดียว เรียกได้ว่าส่วนต่างขนาดแบตเตอรี่ พอๆ กับขนาดแบตที่ใส่ในรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กๆ คันนึงเลยทีเดียว ซึ่งส่งผลต่อระยะทางขับขี่ต่อ 1 การชาร์จด้วย โดยฝั่ง Seal จะทำระยะทางขับขี่ได้ไกลกว่าราวๆ 20 กิโลเมตร ต่อ 1 ชาร์จ
ส่วนฝั่ง Tesla Model 3 Standard Range แม้ว่าจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง มีขนาดแบตเตอรี่ที่เล็กกว่าค่อนข้างมาก ทว่าระยะทางขับขี่ทำได้น้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อันเนื่องมาจากอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าที่ Tesla ทำได้ต่ำกว่านั่นเอง
ส่วนด้านพละกำลัง แม้ว่า 0-100 กม./ชม. ของ BYD Seal จะแรงกว่ามหาศาล แต่ถ้าเอาความเร็วสูงสุดแล้ว Tesla Model 3 ทำได้เร็วกว่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว
มาดูกันต่อที่พิกัดตัวรถกันบ้าง ฝั่ง BYD Seal มีขนาดตัวรถใหญ่กว่า Tesla Model 3 ในทุกมิติ ทั้งขนาดตัวถังและระยะฐานล้อ โดยจุดเด่นที่สุดของ BYD Seal นั่นคือเรื่องของช่วงล่างที่ทำมาได้ดีกว่า Tesla Model 3 ในทุกย่านความเร็ว
ในความเร็วต่ำให้ความนุ่มนวลมากกว่า Tesla และในความเร็วให้ความมั่นคงที่ดีกว่า มอบความมั่นใจที่มากกว่า Tesla Model 3 ในทุกมิติ แม้จะใช้ความเร็วสูงสุดที่ 190 กม./ชม. ก็ยังให้ความรู้สึกมั่นใจมากกว่า Tesla Model 3 ในความเร็วเท่ากัน
แต่ถ้าพูดในเชิงใช้งานแล้ว BYD Seal ถือว่าทำช่วงล่าง และการควบคุมมาได้เหนือกว่า Tesla ในทุกมิติ
ทว่า จุดที่ Tesla ทำได้ดีมากกว่า BYD Seal นั่นคือเรื่องระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่าง Autopilot ที่ยอมรับว่ามัน "ดีที่สุดแล้วในเวลานี้" เมื่อเปรียบเทียบกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ BYD Seal ต้องเรียนตามตรงว่า "ยังมีเรื่องต้องปรับปรุงอีกเยอะมาก" ทั้งเรื่องความนุ่มนวลในการควบคุมพวงมาลัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น รถตัดหน้า, สิ่งแปลกปลอมตัดหน้า, การแจ้งเตือนต่างๆ, การแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ที่ระบบคอมพิวเตอร์ต้องทำ ยังห่างชั้นจาก Tesla ค่อนข้างมาก
ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระ ต้องยกความดีความชอบให้กับ Tesla เป็นพิเศษ ด้วยขนาดตัวรถที่เล็กกว่า แต่กลับออกแบบพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากกว่า BYD Seal ทั้งที่เก็บของใต้ฝากระโปรงหน้า และที่เก็บของในฝากระโปรงท้ายรถ
แล้วจะเลือกคันไหนดี? BYD Seal vs Model 3
ในเมื่อราคาเท่ากัน แต่ต้องเลือกสักคันหนึ่ง จะเอาคันไหนดี? เมื่อเราเปรียบเทียบดูแล้วพบว่ารถทั้ง 2 คันนี้มีจุดเด่น จุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป หากชอบรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความสดใหม่ มีขนาดใหญ่ เน้นการขับขี่แบบนุ่มนวล และมั่นคง ฝั่ง BYD Seal จะทำได้ดีกว่าเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถ้าชอบรถยนต์ที่เน้นด้านนวัตกรรม เพียงแค่เอ่ยชื่อก็ร้องอ๋อว่าคืออะไร และชอบรถที่ระบบ Software ดี, ระบบช่วยขับดี Tesla คือคำตอบสำหรับท่าน แต่ต้องแลกกับโฉมหน้าที่เก่ากว่า ซึ่งใช้งานมาอย่างยาวนานมากแล้ว