5 สิ่งที่ต้องดูแล ถ้าไม่อยากให้เครื่องยนต์พังก่อนเวลาอันควร ถ้าพูดถึงปัจจัยหลักของรถยนต์ทุกคัน นั้นก็ต้องบอกว่า เครื่องยนต์ ดังนั้น ที่เป็นส่วนขับเคลื่อนพาเราไปในที่ต่างๆ เต่ถ้าเราไม่ได้ดูเเลเครื่องยนต์ให้ดีและก็ อาจจะส่งผมเสียต่อรถยนต์ของคุณเป็นแน่ เพราะฉะนั้นเราจะไปชม 5 วิธีดูเเลเครื่องยนต์ อย่างไรให้มีอายุที่ยืนยางให้มากที่สุด
1.เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
ขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ชิ้นส่วนต่าง ๆ มากมาย จะเกิดการเสียดสีจนเกิดความร้อน โดยน้ำมันเครื่องที่ช่วยเป็นเกาะป้องกันชิ้นส่วนต่าง ๆ ไม่ให้เกิดความเสียหาย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ และเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนด ประมาณทุก ๆ 1 หมื่นกิโลเมตร หรือ 6 เดือน (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
2.เปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
กรองน้ำมันเครื่อง มีหน้าที่ในการดักจับฝุ่น เขม่า สิ่งสกปรก และเศษโลหะต่าง ๆ ที่เกิดจากการสึกหรอภายในเครื่องยนต์ ถ้าเรายอมเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องเลย ก็จะทำให้เศษต่าง ๆ เข้าไปอุดตันจนเต็มพื้นที่ของตัวกรองน้ำมันเครื่อง และเมื่อกรองตัน ทำให้น้ำมันเครื่องไม่สามารถไหลผ่านตัวกรองกระดาษที่อยู่ภายในเครื่องยนต์ได้
3.หมั่นตรวจเช็กระดับน้ำยาหล่อเย็น ระบบระบายความร้อนเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเครื่องยนต์ บวกกับอุณหภูมิภายนอกที่ร้อน จึงมีโอกาสที่น้ำในระบบแห้งได้ เพราะว่าควรตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักนั้น ควรหมั่นเช็กบ่อย ๆ หรือเช็กทุกวันเลยยิ่งดี และควรเลือกน้ำยาหล่อเย็นที่มีคุณภาพ อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์จากสูตร ไม่ควรใช้น้ำประปา เพราะว่าอาจจะทำให้หม้อน้ำของคุณเกิดสนิ่มได้ แต่ถ้าน้ำยาหล่อเย็นที่เราเติมไปลดหายอีกแล้ว ก็สันนิษฐานได้เลยว่า เช่น หม้อน้ำรั่ว ,ท่อยางแตก ,พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน ,ประเก็นแตก ,ฝาโก่ง
4.ทำความสะอาดหัวฉีด ทุก ๆ 1 หมื่นกิโลเมตร รถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาหลายๆปี ก็จะเริ่มมีอาการวิ่งสะดุด วิ่งไม่ออก รถตื้อ ๆ หรืออาจจะผลกินน้ำมันเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นเราควรจะใช้ผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดหัวฉีด ถ้าให้ดีต้องทุกระยะ 1 หมื่นกิโลเมตร ก็จะดีมาก หัวฉีดของเราก็จะไม่อุดตัน
5.เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะที่กำหนด การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์โดยส่วนใหญ่แล้วจะเปลี่ยนทุก ๆ 4 หมื่นกิโลเมตร หรือตามคู่มือที่รถยนต์ของท่านกำหนด เพราะว่าภายในห้องขับเคลื่อนของเกียร์ จะประกอบไปด้วยฟันเฟือง และชิ้นส่วนต่างๆมากมาย ซึ่งจำต้องต้องใช้น้ำมันในการหล่อลื่นเพื่อลดการเสียดสี และลดความร้อน แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะที่กำหนด ประสิทธิภาพในการปกป้องของน้ำมันเกียร์จะลดน้อยลง ทำให้สิ่งสกปรก วนเวียนอยู่ในระบบ ส่งผลให้เกียร์มีปัญหา และคุณอาจจะเจอค่าซ่อมที่เเพง หรือถ้าเลวร้ายไปกว่านั้นอาจจะต้องเปลี่ยนเกียร์กันใหม่เลยก็ว่าได้
ขอบคุณที่มาจาก:https://www.autospinn.com/