ตามรอยคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลาน สืบสานพระธรรม
การสังคายนาที่มีการเปลี่ยนแปลงในภาษาพระไตรปิฏกมีมาทั้งหมด 5ครั้ง จากครั้งที่ สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือครั้งที่8 ในสมัยพญาติโลกราช
พระไตรปิฎก เดิมเรียกว่า พระธรรมวินัย เป็นคัมภีร์รวบรวมคำสอนของพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย พระวินัยปิฏก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ในครั้งสมัยพุทธกาลยังไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ใช้การท่องจำแบบปากต่อปาก เมื่อเวลาล่วงมาจนไม่มีผู้ทันเห็นพระพุทธเจ้าเหลืออยู่ การเกิดอธิกรณ์ก็มากขึ้น การชำระพระธรรมวินัยก็มีปัญหาในเรื่องของความเที่ยงตรง จนหลายร้อยปีให้หลังจึงจะเกิดการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรขึ้น แต่ทว่าการสังคายนาพระธรรมวินัยก็ยังคงมีเรื่อยมาจนปัจจุบัน ไม่นับถึงว่ามีการถ่ายทอดแปลเป็นภาษาต่างๆ หลายทอด ดังนั้น การอ่านพระไตรปิฎกจึงต้องใช้สติปัญญาพิจารณาให้มาก ไม่ควรยึดติดในตัวอักษรจนเกินไป
พระไตรปิฎกนั้นมีเนื้อหาสาระลึกซึ้ง แบ่งเป็นหัวข้อธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์ พิมพ์เป็นหนังสือ 45 เล่ม ประกอบด้วย
- พระวินัยปิฏก มี 21,000 พระธรรมขันธ์ เป็นข้อบังคับของภิกษุและภิกษุณี เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพระพุทธศาสนา
- พระสุตตันตปิฎก มี 21,000 พระธรรมขันธ์ เป็นประชุมรวมเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องเล่าเชิงประวัติของพระพุทธองค์ เนื้อหาในพระสุตตันตปิฎกเป็นเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ในวาระต่างๆ หลักธรรมที่ทรงแสดงจึงมีความเฉพาะเจาะจงต่อผู้ฟังในแต่ละโอกาส กล่าวคือหลักคำสอนต่างๆ มีบริบทเฉพาะกาล
- พระอภิธรรมปิฎก มี 42,000 พระธรรมขันธ์ เป็นประชุมรวมหัวข้อธรรมต่างๆ ซึ่งได้รับการอัตถาธิบายโดยพิสดารและแยบคาย โดยสังเคราะห์มาจากเนื้อหาในสุตตันตปิฎกอีกทอดหนึ่ง
การสังคายนาพระไตรปิฎก เป็นการประชุมของพระสงฆ์ เพื่อทำการจัดระเบียบหมวดหมู่พุทธวจนะ เกิดขึ้นภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
ประวัติการทำสังคายนาพระไตรปิฎกเกิดขึ้นหลายครั้ง นับตั้งแต่พุทธปรินิพพานจนถึงปัจจุบัน การนับจำนวนก็ยังไม่มีข้อยุติ เนื่องจากการแบ่งออกเป็น 2 นิกายใหญ่ของพระพุทธศาสนา ได้แก่ ฝ่ายเถรวาท และฝ่ายมหายาน ส่วนการทำสังคายนาของฝ่ายเถรวาทที่สำคัญๆ ในประเทศต่างๆ มีดังนี้
การสังคายนาครั้งที่ 1 ในประเทศอินเดีย เป็นการสังคายนาครั้งแรก กระทำเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 3 เดือน ที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา ใกล้กรุงราชคฤห์ มีพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นองค์ราชูปถัมภ์ มูลเหตุเกิดจากการที่พระภิกษุชราภาพรูปหนึ่งชื่อ "สุภัททะ" ได้กล่าววาจาจ้วงจาบพระธรรมวินัย "พระมหากัสสปะ" เล็งเห็นเหตุร้ายนี้ จึงเป็นประธานรวบรวมพระสงฆ์ผู้เป็นพระอรหันต์จำนวน 500 รูป ทำการสังคายนา ใช้เวลา 7 เดือนจึงสำเร็จ
การสังคายนาครั้งที่ 2 ในประเทศอินเดีย หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปได้แล้ว 100 ปี พระภิกษุวัชชีบุตรแห่งเมืองวัชชี แคว้นไพศาลี ถือปฏิบัติผิดพระวินัย 10 ประการ พระยสะกากัณฑกบุตรได้ชักชวนพระเถระผู้ใหญ่ประชุมพิจารณาวินิจฉัย ทำการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 2 ที่ วาลุการาม เมืองไพศาลี ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระเจ้ากาลาโศกราช โดยมีพระสังคีติการก 700 รูป มีพระเรวตเถระเป็นประธานผู้ไต่สวนพระธรรมวินัย และพระสัพพกามีเป็นผู้วิสัชชนา ใช้เวลา 8 เดือนจึงแล้วเสร็จ
การสังคายนาครั้งที่ 3 ในประเทศอินเดีย ภายหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 234 ปี ตรงกับสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชปกครองชมพูทวีป พระเจ้าอโศกทรงเป็นพุทธมามกะ ทำนุบำรุงศาสนาพุทธ ทำให้มีเดียรถีย์ หรือนักบวชนอกพระศาสนา มาปลอมบวชในบวรพุทธศาสนาเป็นอันมากเพื่อหวังลาภยศ เกิดการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยความเชื่อในลัทธิเดิมของตน
การสังคายนาครั้งที่ 2 ในประเทศศรีลังกา เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 433 เป็นการสังคายนาที่มีการจารึกพุทธวจนะลงบนใบลาน แทนการท่องจำหรือ "มุขปาฐะ" แบบเดิม
การสังคายนาครั้งที่ 1 ในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2020 ที่วัดโพธาราม (วัดเจ็ดยอด) จังหวัดเชียงใหม่ มีพระธรรมทินเถระเป็นประธานที่ประชุมสงฆ์ โดยมีพระเจ้าติโลกราชเป็นองค์ราชูปถัมภ์ การสังคายนาครั้งนี้ได้จารึกพระไตรปิฎกโดยใช้อักษรแบบไทยล้านนา
การสังคายนาครั้งที่ 5 ในประเทศไทย การสังคายนาครั้งนี้ จัดทำขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ได้มีการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ โดยฉบับภาษาบาลี เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับไทยรัฐ และฉบับแปลภาษาไทย เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับสังคายนา
ขอบคุณข้อมูล/ภาพจาก : วิกิพีเดีย /ทรูปลูกปัญญา/โซเชียลมีเดีย